กิ้งกือ! สัตว์ที่มีขาหลายคู่ที่น่าทึ่งและมีรูปร่างคล้ายงู
กิ้งกือหรือ Centipede เป็นสัตว์ขาปล้องที่อยู่ในไฟลัม Arthropoda และชั้น Myriapoda เป็นสัตว์ที่มีลักษณะโดดเด่นด้วยร่างกายยาวและแบนพร้อมกับจำนวนขาที่มากมาย ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ขาปล้องอีกประเภทหนึ่งอย่าง “พันธุ์พืช” (Millipedes) ที่มีขาคู่ละสองคู่ กิ้งกือมีขาคู่ละหนึ่งคู่
กิ้งกือกินเนื้อ เป็นสัตว์ที่ดุร้ายและล่าเหยื่อด้วยการฉีดพิษจากขาหน้าเพื่อจับเหยื่อให้เป็นอัมพาตก่อนที่จะกิน ตัวมันเองมักอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ข้างใต้หิน ลำต้นไม้ และในดินใบไม้เน่า กิ้งกือมีสีสันที่หลากหลายตั้งแต่สีเหลือง สีน้ำตาล ไปจนถึงสีแดง
ลักษณะทางกายภาพ
ลักษณะ | คำอธิบาย |
---|---|
ร่างกาย | ยาว แบน และแบ่งออกเป็นส่วน ๆ |
ขา | มีขาคู่ละหนึ่งคู่ โดยจำนวนขาอาจมีได้ตั้งแต่ 15-177 ข้างขึ้นอยู่กับชนิด |
หัว | มีหนวดสองข้าง อันเดรีย (antennae) และปาก (mouthparts) ที่แข็งแรง |
ขาหน้า | เปลี่ยนแปลงมาเป็นขอ (claw) สำหรับจับเหยื่อและฉีดพิษ |
สี | แตกต่างกันไปตามชนิด อาจเป็นสีเหลือง น้ำตาล แดง หรือสีอื่น ๆ |
วงจรชีวิต
กิ้งกือมีวงจรชีวิตที่ค่อนข้างซับซ้อน เริ่มจากการผสมพันธุ์ระหว่างตัวผู้และตัวเมีย ตัวเมียวางไข่จำนวนมาก ซึ่งไข่จะฟักออกมาเป็นตัวอ่อนขนาดเล็ก ตัวอ่อนเหล่านี้จะลอกคราบ (molting) หลายครั้งเพื่อโตขึ้นและพัฒนาจนถึงขั้นที่เป็นตัวเต็มวัย
สถานะนิเวศวิทยา
กิ้งกือเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศโดยทำหน้าที่ควบคุมจำนวนประชากรของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก เช่น แมลงและไส้เดือนฝอย
ปัญหาความปลอดภัย
บางชนิดของกิ้งกือสามารถฉีดพิษที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ การถูกกัดโดยกิ้งกืออาจทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน คัน และอักเสบ แต่อย่างไรก็ตาม กิ้งกือส่วนใหญ่ไม่รุกและจะกัดมนุษย์เฉพาะเมื่อรู้สึกถูกคุกคามเท่านั้น
การอนุรักษ์
เนื่องจากกิ้งกือเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ จึงมีความจำเป็นต้องอนุรักษ์ประชากรของมัน เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
คำแนะนำ
- หากพบกิ้งกือในบริเวณที่อยู่อาศัย ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง
- หากถูกกัดโดยกิ้งกือ ให้ทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำและสบู่ และใช้ยาแก้ปวด
การอนุรักษ์กิ้งกือและสัตว์ขาปล้องอื่น ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญเนื่องจากมันมีบทบาทที่จำเป็นต่อระบบนิเวศ